
การเดินทางทุกวันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเดินทางไปไหนมาไหนในบ้านเรา ที่สะดวกสบายที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการเดินทางด้วยรถยนต์ และสิ่งที่ตามมาจากการมีรถยนต์ในครองครองเพื่อลดความเสี่ยงของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ “ประกันรถยนต์” นั่นเอง ซึ่งประกันรถยนต์นี้เองก็จัดว่า เป็นประกันที่คนซื้อ/มีไว้ในครอบครองมากเป็นลำดับแรก ๆ รองจากประกันอุบัติเหตุและประกันชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้ขับขี่ยานพาหนะต่อเพื่อนร่วมทาง เพราะหากเกิดเหตุอะไรก็ตาม อย่างน้อยเราก็มีประกันคอยช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถยนต์หรือการรักษาพยาบาลนั่นเองค่ะ
ว่าแต่ประกันรถก็มีหลายแบบ คงเคยได้ยินกันมาบ้างทั้ง ประกันชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ชั้นสาม ซึ่งแต่ละแบบ ก็มีเบี้ยประกันและเหมาะกับคนที่มีความเสี่ยงในการขับขี่และงบประมาณแตกต่างกันเฉพาะคนเสียด้วย บิ๊กซี อินชัวรันส์ เซอร์วิสเลย ขอรวบรวมรูปแบบประกันรถยนต์ไว้เป็นตัวเลือกให้ผู้ขับขี่รถยนต์ทุกท่านได้เลือกกันดังนี้ค่ะ
คนที่มีความเสี่ยงสูง = ประกันชั้น 1 หรือชั้น 1 แบบมีส่วนร่วมจ่าย ชดใช้ค่าซ่อมทุกกรณี เหมาะกับ
- ขับรถไม่เกิน 5 ปี ทักษะการขับยังไม่ค่อยดี
- ไปขับชนเองมากกว่าเค้ามาชน
- ขับรถเร็ว
- ขับวันละหลาย ๆ ชั่วโมง
- ขับเวลากลางคืน
สำหรับชั้น 1 มีแบบ “มีส่วนร่วมจ่าย” ที่ค่าเบี้ยอาจจะถูกกว่าแบบชั้น 1 ธรรมดา ตัวนี้จะเหมาะกับคนที่ใช้รถเยอะ และไม่ได้ขับชนบ่อย แต่มีแนวโน้มว่าชนแล้วซ่อมแพงกว่ารถทั่วไป ก็สามารถเลือกใช้ประกันชั้นหนึ่งแบบมีส่วนร่วมจ่ายตัวนี้ได้ค่ะ
คนที่มีความเสี่ยงพอประมาณ = ประกันชั้น 2 หรือชั้น 2 แบบมีส่วนร่วมจ่าย
ชดใช้ค่าซ่อม คุ้มครองเวลามีคู่กรณีหรือความประมาทเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมาะกับ
- ขับรถชำนาญพอสมควร (สิบปีขึ้นไป)
- ขับปลอดภัย ไม่ขับเร็ว
- ส่วนใหญ่มีคู่กรณี โดนชน
- จอดรถในที่มีโอกาสถูกโจรกรรม
ประกันชั้น 2 นี้จะเป็นประกันที่ราคาที่ถูกกว่าประกันชั้น 1 เน้นคุ้มครองชีวิตและค่าซ่อมของคู่กรณี ส่วนรถตัวเองหากอยากให้คุ้มครองวงเงินสูงขึ้นก็ให้เลือกชั้น 2 แบบมีส่วนร่วมจ่ายค่ะ
คนที่ไม่ค่อยมีความเสี่ยง = ประกันชั้น 3 หรือชั้น 3 แบบมีส่วนร่วมจ่าย
เหมาะกับ
- ผู้ใช้รถน้อย
- ไม่ได้จอดรถในที่ที่มีความเสี่ยงในการถูกโจรกรรม
- ขับชนไม่บ่อย
สำหรับประกันรถชั้น 3 ส่วนใหญ่จะเป็นการคุ้มครองการซ่อมที่ไม่หนักมาก ไม่ได้คุ้มครองกรณีรถสูญหายหรือเกิดเพลิงไหม้ เรียกว่าเป็นประกันที่มีก็ดีกว่าไม่มีเลย ประกันชั้นสามจะมีค่าเบี้ยประกันค่อนข้างถูกที่สุดเมื่อเทียบกับประกันชั้น 1 และ 2 ค่ะ
และนี่ก็คือแนวทางเบื้องต้นในการพิจารณาการเลือกซื้อ “ประกันรถยนต์” อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราอาจจะขับเก่งอยู่แล้วแต่ก็อยากเลือกซื้อประกันรถชั้น 1 เพื่อความอุ่นใจก็ได้ และที่สำคัญอาจต้องขึ้นอยู่กับ งบประมาณของแต่ละคนที่สามารถจ่ายได้ของเบี้ยปนะกันรถยนต์แต่ละประเภทด้วย หากต้องการรายละเอียดว่า นักขับอย่างเราเหมาะกับประกันรถยนต์แบบไหน สามารถสอบถามเพื่อเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ กับ Big C Insurance Service ได้เลยค่ะ